RFID คืออะไร
RFID ย่อมาจากคำว่า Radio Frequency
Identification เป็นระบบฉลากที่ได้ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 โดยที่อุปกรณ์ RFID ที่มีการประดิษฐ์ขึ้นใช้งานเป็นครั้งแรกนั้น เป็นผลงานของ Leon
Theremin ซึ่งสร้างให้กับรัฐบาลของประเทศรัสเซียในปี ค.ศ. 1945 ซึ่งอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาในเวลานั้นทำหน้าที่เป็นเครื่องมือดักจับสัญญาณ
ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวระบุเอกลักษณ์อย่างที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน
ลักษณะการทำงานของระบบ RFID
หัวใจของเทคโนโลยี RFID ได้แก่"Inlay" ที่บรรจุอุปกรณ์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์กับโลหะที่ยืดหยุ่นได้สำหรับการติดตามหรือทำหน้าที่เป็นเสาอากาศนั่นเอง Inlay มีความหนาสูงสุดอยู่ที่ 0.375 มิลลิเมตร
สามารถทำเป็นแผ่นบางอัดเป็นชั้น ๆ ระหว่างกระดาษ, แผ่นฟิล์ม
หรือพลาสติกก็ได้ ซึ่งเป็นการผลิตเครื่องหมายหรือฉลาก
จากวัสดุที่มีราคาไม่แพงมากนัก ซึ่งจะเห็นว่า Inlay มีลักษณะรูปร่างที่บางมาก
จึงทำให้ง่ายต่อการติดเป็นป้ายชื่อหรือฉลากของชิ้นงานหรือวัตถุนั้น ๆ ได้สะดวก
RFID เป็นระบบที่นำเอาคลื่นวิทยุมาเป็นคลื่นพาหะเพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์สองชนิดที่เรียกว่า
แท็กส์ (Tag) และตัวอ่านข้อมูล (Reader หรือ Interrogator) ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless) โดยการนำข้อมูลที่ต้องการส่ง มาทำการมอดูเลต กับคลื่นวิทยุแล้วส่งออกผ่านทางสายอากาศที่อยู่ในตัวรับข้อมูล
ดังแผนผังการทำงานของระบบ RFIDดังในรูป
ข้อดีของ RFID
มีความละเอียด และสามารถบรรจุข้อมูลได้มาก
มีความเร็วในการอ่านข้อมูลสูง
สามารถอ่านข้อมูลได้พร้อมกัน
สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องสัมผัส
สามารถเขียนทับข้อมูลได้ หรือ นำกลับมาใช้ใหม่
ระบบความปลอดภัยสูง
ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
ลดจำนวนพนักงาน
ลดความผิดพลาด
ลดปริมาณสินค้าคงคลัง
ป้องกันการขโมย
เพิ่มสภาพคล่องให้กับห่วงโซ่อุปทาน
สามารถนำไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย
มีความเร็วในการอ่านข้อมูลสูง
สามารถอ่านข้อมูลได้พร้อมกัน
สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องสัมผัส
สามารถเขียนทับข้อมูลได้ หรือ นำกลับมาใช้ใหม่
ระบบความปลอดภัยสูง
ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
ลดจำนวนพนักงาน
ลดความผิดพลาด
ลดปริมาณสินค้าคงคลัง
ป้องกันการขโมย
เพิ่มสภาพคล่องให้กับห่วงโซ่อุปทาน
สามารถนำไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย
ข้อเสียของ RFID
ราคาชิปสูง
มาตรฐาน RFID ยังไม่เป็นมาตรฐานสากล การละเมิดความเป็นส่วนบุคคล
วีดีโอ การใช้ระบบ RIFD







0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น